top of page
ค้นหา

5 เคล็ดลับเพิ่มศักยภาพทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ

  • รูปภาพนักเขียน: Admin
    Admin
  • 17 พ.ย. 2565
  • ยาว 1 นาที

(5 Powerful Tips to Boost Your Business English Speaking)

มีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่เรียนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลานาน และ เรียนได้ดีในชั้นเรียนแต่กลับยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเมื่อต้องพูดภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำงาน


ปัญหาหลักๆที่นักเรียนกลุ่มนี้กำลังเผชิญอยู่ประกอบด้วย

  • การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือ คู่ค้าต่างชาติที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะบางครั้งนักเรียนก็ไม่รู้ว่าจะพูดในสิ่งที่คิดได้อย่างไร ทำให้ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นทั้งหมดที่มี


  • มีปัญหาเรื่องวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ในบางครั้งคนที่นักเรียนคุยด้วยเข้าใจความหมายผิดเพราะ วัฒนธรรมการสื่อสารในประเทศเค้าต่างจากเรา


  • มีปัญหาเรื่องสำเนียง และ การออกเสียง เพราะนักเรียนไม่เข้าใจสำเนียงของชาวต่างชาติบางสำเนียง และ บางครั้งชาวต่างชาติก็ไม่เข้าใจการออกเสียงของเรา


  • ขาดความมั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องคุยทางโทรศัพท์ หรือ ประชุมทางโทรศัพท์กับชาวต่างชาติ


ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้อาจมาจาก


  • ขาดการฝึกพูดในสถานการณ์จริง โดยเฉพาะในชั้นเรียนที่ยังมีวิธีการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมที่เน้นการเรียนตามตำรา เน้นอ่าน-เขียน และ หลักไวยากรณ์มากเกินไป ทำให้นักเรียนไม่ได้ฝึกฟัง-พูดเท่าที่ควร


  • ไม่มีเวลาเตรียมตัว เพราะในสถานการณ์จริงเป็นการคุยกันสดๆกับชาวต่างชาติ ซึ่งนักเรียนไม่สามารถเตรียมตัว หรือ ทบทวนประโยคที่จะพูดล่วงหน้าได้ เมื่อพูดอะไรออกไปแล้วก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก


  • เกิดความประหม่า ทำให้ขาดความมั่นใจในการพูด


ดังนั้นเพื่อช่วยนักเรียนขจัดปัญหาเหล่านี้ หรือ อย่างน้อยก็ทำให้มันลดลงไป เรามีเคล็ดลับ 5 ข้อที่จะมาแบ่งปันกับนักเรียน


#1 เรียนแบบ Active แทนที่จะเรียนแบบ Passive


การเรียนแบบ Active จะช่วยให้การพูดภาษาอังกฤษมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสิ่งที่นักเรียนควรทำเป็นอันดับแรกคือ “การเรียนรู้วิธีการเรียน” ใหม่เสียก่อน ซึ่งทำได้โดย


1.1 เปลี่ยนจากเรียนแบบ Passive มาเป็น Active คือ แทนที่จะเรียนเน้นทฤษฏีตามตำราเพื่อให้รู้เพียงอย่างเดียว นักเรียนควรจะฝึกพูดทุกครั้งที่มีโอกาสด้วย โดยไม่ต้องกลัวว่าจะพูดผิด และ อย่ากังวลว่าเราจะต้องพูดให้ถูกทั้งหมดตั้งแต่ต้น


1.2 ให้นักเรียนลืมสิ่งที่ได้เรียนมาแล้วแต่ไม่ได้ช่วยให้นักเรียนพูดเก่งขึ้นไปก่อน แล้วลิสต์รายการสิ่งที่นักเรียนต้องการจะเรียนรู้จริงๆออกมา (อย่างเช่น การพูดคุย การพูดคุยทางโทรศัพท์ การเขียน email การนำเสนอ การเจรจาต่อรอง ฯลฯ) เมื่อนักเรียนมีเป้าหมาย และ ทิศทางการเรียนที่ชัดเจนขึ้นแล้ว ลำดับต่อไปคือนักเรียนเริ่มรวบรวมสำนวนที่เจ้าของภาษาใช้กับสถานการณ์เหล่านั้นได้เลย


1.3 ถ้ามีทุน และ งบประมาณพร้อม ให้นักเรียนไปลงเรียนกับอาจารย์ชาวต่างชาติแบบตัวต่อตัว หรือ แบบกลุ่มเล็กๆ เพื่อที่อาจารย์จะได้สอนนักเรียนในจุดที่ต้องปรับปรุงได้อย่างเต็มที่ นักเรียนต้องเรียนแบบ Active ฝึกพูดให้มากขึ้น และ จดจำเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด และ ต้องเป็นสิ่งที่นักเรียนต้องการด้วย


#2 เรียนแบบใช้บริบท (Contexts) ต่างๆเข้ามาช่วย


โดยปกติแล้ว ตอนที่นักเรียน กำลังเรียนจะต้องมีสถานการณ์ต่างๆมาช่วยให้นักเรียนเข้าใจสิ่งที่กำลังเรียนได้ดีขึ้น ซึ่งนักเรียนจะได้รู้ว่าควรใช้คำ หรือ สำนวนนั้นๆในสถานการณ์ใดบ้าง

นอกจากนั้น นักเรียนจะได้ใช้กลุ่มคำ (Collocations- อย่างเช่น make the bed, pay the bill, take a risk, keep in touch ฯลฯ) ที่ควรจะใช้ร่วมกันได้ถูกต้องขึ้น ซึ่งนักเรียนสามารถใช้ Collocations Dictionary เพื่อเรียนรู้กลุ่มคำเหล่านี้ได้ และจะทำให้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นมืออาชีพมากขึ้น

ขั้นตอนต่อไปให้นักเรียนเรียนรู้คำศัพท์ หรือ กลุ่มคำจากการใช้จริงในประโยคและสถานการณ์จริงๆ ซึ่งจะทำให้จดจำได้ดีขึ้น และ มีความเข้าใจการใช้ภาษาได้มากขึ้นด้วย


#3 ใช้เทคนิค แชโดวอิ้ง (Shadowing Technique)


เทคนิค แชโดวอิ้ง (Shadowing Technique) คือ เทคนิคการฝึกพูดตามเสียงที่ได้ยินซ้ำๆในทันทีโดยไม่ต้องรอให้จบประโยคก่อน โดยพยายามพูดไปพร้อมๆกับเสียงที่ได้ยินคล้ายๆกับการร้องคลอเพลงโปรดที่เราชอบ นักเรียนจะใช้สคริปเพื่อช่วยการอ่านด้วยก็ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเข้าใจความหมายทั้งหมดหรือไม่ เพราะเราแค่จะเน้นการเลียนแบบสำเนียงเจ้าของภาษาในเบื้องต้นเท่านั้น และถ้านักเรียนได้ฝึกบ่อยๆแล้วหละก็ สำเนียงการพูด การออกเสียง และทักษะการฟังของนักเรียนก็จะ พัฒนาขึ้นอย่างอัตโนมัติด้วย และนักเรียนจะมีความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นในที่สุด


#4 เรียนรู้ที่จะพูดด้วยการฝึกพูด (Learn by Doing)


ให้นักเรียนหาเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานที่เป็นชาวต่างชาติ หรือที่พูดภาษาอังกฤษได้ แล้วฝึกพูดกับพวกเขาบ่อยๆ และถ้าเค้าเป็นชาวต่างชาติให้สังเกตว่าพวกเขาพูดและมีท่าทางแบบไหน แตกต่างจากวัฒนธรรมของนักเรียนอย่างไร หรือไม่นักเรียนก็สามารถลงเรียนและฝึกพูดกับอาจารย์ชาวต่างชาติได้ เพราะการเรียนรู้ด้วยการฝึกฟังฝึกพูดจริงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการทำความเข้าใจ และ พัฒนาภาษาและวัฒนธรรม


#5 ขัดเกลาสำเนียงภาษาอังกฤษด้วยการบันทึกเสียงตัวเอง


เรามาถึงเคล็ดลับข้อสุดท้ายแล้วนะคะ ถ้านักเรียนอยากพูดให้สำเนียงคล้ายกับเจ้าของภาษามากขึ้นเรื่อยๆ ก็ควรจะลองบันทึกเสียงตัวเองแล้วลองฟังเสียงตัวเองพูดดูเพื่อจะได้หาข้อที่ต้องปรับปรุง ให้นักเรียนลองหาคลิป หรือ VDO ที่ฝึกทักษะการฟังที่มีสคริปด้วย ฝึกฟัง แล้วลองหัดอ่านตามพร้อมทั้งบันทึกเสียงตัวเอง จากนั้นเปิดฟังและลองเทียบกับเสียงในคลิปหรือ VDO ต้นแบบดูว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร คำไหนที่ยังออกเสียงผิดก็ให้ขีดเส้นใต้ไว้ แล้วฝึกออกเสียงซ้ำๆจนกว่าจะถูกต้อง การฝึก ออกเสียงและฝึกสำเนียงภาษาอังกฤษด้วยวิธีนี้จะทำให้นักเรียนเห็นว่าตัวเองต้องปรับปรุงอะไร ตรงไหนบ้าง และจะทำให้การออกเสียงและสำเนียงของนักเรียนดีขึ้นด้วย


โดย อุมาภรณ์ ชัยศรี - ทีมงาน ESL Training @ Work

ติดตามบทความ และ Tips ต่างๆ ในการใช้ภาษาอังกฤษได้จาก Facebook Fanpage: https://web.facebook.com/ESLTrainingatwork

หมายเหตุ: บทความนี้ได้ไอเดียมาจากบทความของ talaela.com


 
 
 

Comments


  • Facebook App Icon

© 2016 by ESL Training @ Work. Proudly created with Wix.com

bottom of page